เวลาทำการ

จ.-ศ. 09.00 น.-19.00 น.
ส. 09.00 น.-13.00 น.

Hotline 1

061-635-4915

Hotline 2

089-874-5365

Hotline 3

02-871-9398

Call Center

02-871-9398

🇨🇳 เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี❔ ดินแดนแพนดอร่าแห่งโลกมนุษย์⛅

🇨🇳 เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี❔ ดินแดนแพนดอร่าแห่งโลกมนุษย์⛅

เมืองจางเจียเจี้ยแห่งนี้ เป็นดินแดนสวรรค์ที่มีอยู่จริง‼️ บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งหุบเขาอวตาร🧞‍♀️🧞‍♂️ โดยจางเจียเจี้ยจัดเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจีน🇨🇳 เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี❔ ดินแดนแพนดอร่าแห่งโลกมนุษย์⛅ ได้รับการแต่งตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1992 แถมยังถูกจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A (AAAAA) จากการท่องเที่ยวแห่งชาติจีนอีกด้วย🇨🇳 ใครกำลังวางแผนว่าจะไป เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี ให้สภาพอากาศเป็นใจ เก็บกระเป๋าให้พร้อมแล้วไปเที่ยวกับฟ้าสวยเลยย 🥰❤️❤️

Credit : canva.com

หลายคนอาจกำลังลังเลว่าจะเที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี เพราะแต่ฤดูกาลก็มีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวในเส้นทางจางเจียเจี้ยส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาสูง ด้านบนมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี หรือบางช่วงก็มีฝนและเมฆหมอกบ้าง แต่ก็ได้อีกบรรยากาศที่สวยงามแตกต่างกันไป โดยตลอดทั้งปีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16 องศา ไม่หนาวจนเกินไป โดยมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – พฤษภาคม

Credit : canva.com

ถ้าใครอยากมา ทัวร์จางเจียเจี้ย แบบเจอความสดชื่นสดใส หรือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติก็ต้องมาฤดูนี้  เพราะบรรยากาศจะถูกแต่งแต้มสีสันให้มีชีวิตชีวาด้วยหมู่มวลดอกไม้นานาชนิดที่กำลังบานสะพรั่ง ส่วนสภาพอากาศก็เย็นสบายกำลังดี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15 – 25 องศา นับได้ว่าเป็นช่วงที่สวยที่สุด เหมาะกับการมาเที่ยวมากๆ แต่อาจต้องระวังนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงวันหยุดยาวของจีน ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนะคะ

ฤดูร้อน : เดือนมิถุนายน – สิงหาคม

Credit : canva.com

ช่วงนี้สภาพอากาศค่อนข้างอุ่นขึ้นกว่าเดิม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 25 – 34 องศา อาจเจอฝนตกชุกได้ในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม แต่ถึงแม้ว่าจะเจอฝน ก็ยังได้สัมผัสทิวทัศน์ของทะเลหมอกที่สวยงามแทน นอกจากนี้ช่วงฤดูร้อนยังมีกิจกรรมผจญภัยสนุกๆ ให้ทำเพียบ ไม่ว่าจะเป็น กระโดดบันจี้จัมพ์, ปั่นจักรยาน หรือปีนหน้าผา เป็นต้น ใครที่เป็นสายเอาท์ดอร์ต้องหลงรักอย่างแน่นอน

ฤดูใบไม้ร่วง : เดือนกันยายน – พฤศจิกายน

Credit : canva.com

เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี ก็ต้องบอกเลยว่า ฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีสำหรับการไปเยือนจางเจียเจี้ย นั่นก็เพราะว่า อากาศจะเริ่มเย็นสบาย ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 13 – 25 องศา และตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนพฤศจิกายนยังเป็นช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี จะได้เห็นป่าไม้ต่างๆ เปลี่ยนสีเป็นเหลืองอ่อนๆ หรือสีแดง แต่อาจจะไม่ได้สีสดมากนัก ขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ไม้นั้นๆ

ฤดูหนาว : เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

Credit : canva.com

ใครอยากเจอหิมะต้องมาช่วงนี้เลย อากาศหนาวเย็นสุดขั้ว บางครั้งก็มีลมแรง อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 5 – 12 องศา ส่วนเรื่องทิวทัศน์ก็สวยยกนิ้ว ยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะสีขาว ฉะนั้นใครจะไปเที่ยวช่วงนี้ต้องเตรียมสภาพร่างกายและเสื้อกันหนาวให้พร้อมนะคะ

ถ้าถามว่า เที่ยวจางเจียเจี้ย เดือนไหนดี แนะนำช่วงเวลา ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงตุลาคม ด้วยสภาพอากาศที่ไม่หนาวจนเกินไป แถมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติจะพร้อมมากๆ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนวางแผนเดินทางควรระวังเรื่องวันหยุดยาวของชาวจีนเอาไว้ด้วย และควรตรวจสอบสภาพอากาศทุกครั้ง เพื่อจะได้เตรียมรับมือให้พร้อม ไปเที่ยวได้อย่างสบายใจหายห่วง

1. เดินบนสะพานกระจกที่ยาวและสูงที่สุดในโลก

Credit : canva.com

สถานที่แรกที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด ไปพิกัดวัดใจที่ สะพานแก้วจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie Glass Bridge) สะพานกระจกที่ยาวและสูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงจากพื้นดินถึง 300 เมตร และยาวกว่า 400 เมตร สามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุดราวๆ 800 คน สร้างตามหลักวิศวกรรมที่แข็งแรง ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัย มีระเบียงราวจับให้ตลอดทางเดิน แต่ถ้าใครกลัวความสูงพี่เห็ดไม่แนะนำเลยนะคะ เพราะความใสของพื้นกระจกทำให้สามารถมองเห็นวิวด้านล่างได้อย่างชัดเจน ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนอากาศเลยแหละ แต่ถ้าใครอยากลองแต่กล้าๆ กลัวๆ บนพื้นสะพานก็ยังมีส่วนที่ไม่ใช่กระจก เป็นพื้นแบบทึบด้วยนะ ที่เด็ดไปกว่านั้นที่นี่ยังมีกิจกรรมบันจี้จัมพ์ ท้าทายความสูงขั้นแอดวานซ์อีกด้วย

2. นั่งกระเช้าระยะทางยาวที่สุดในโลก

Credit : canva.com

ไฮไลต์ต่อมาก็คือ นั่งกระเช้าระยะทางยาวที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้น เขาเทียนเหมินซาน (Tianmen Mountain Cable Car) โดยใน 1 กระเช้าสามารถนั่งได้ประมาณ 8 คน มีระยะทาง 7.5 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งประมาณ 40 นาที ตลอดเส้นทางกระเช้าจะค่อยๆ พาเราไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางแน่นอนว่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และทัศนียภาพที่สวยงดงาม มองเห็นวิวภูเขาสูงที่สลับซับซ้อน และด้านล่างเป็นถนน 99 โค้ง บอกเลยว่าทั้งสวยและสูงมากๆ

3. ชมถ้ำประตูสวรรค์ มหัศจรรย์ธรรมชาติ

Credit : canva.com

หลังจากขึ้นกระเช้าที่ระยะทางยาวที่สุดในโลกมาแล้ว เราก็จะได้ชม ประตูสวรรค์ (The Heaven’s Gate of Tianmen Shan) ซึ่งเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่บนแนวภูเขาสูงใหญ่ ที่เกิดจากการระเบิดเองตามธรรมชาติ เมื่อมองขึ้นมาจากด้านล่างก็จะให้ความรู้สึกเหมือนประตูที่นำไปสู่สรวงสวรรค์ เบื้องหน้ามีบันได 999 ขั้น ขึ้นสูงช่องประตู แต่ถ้าใครเดินไม่ไหว ที่นี่ก็มีบริการบันไดเลื่อนและลิฟต์ไว้อำนวยความสะดวกด้วย สบายสุดๆ ไปเลย

4. เที่ยวเขาอวตาร ขึ้นลิฟต์แก้วสูงที่สุดในโลก

Credit : canva.com

ไปหวาดเสียวกันต่อด้วยการขึ้นลิฟต์แก้วสูงที่สุดในโลกที่ชื่อว่า ลิฟต์แก้วไป่หลง (Bailong Elevator) เพื่อขึ้นไปชม เขาอวตาร หรือ เขาเทียนจื่อซาน (Tianzi Shan) ลักษณะเป็นแท่งภูเขาหินทรายมากกว่า 3,000 ยอด เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” นั่นเอง ด้วยความสูงของลิฟท์ราว 326 เมตร ประมาณตึกสูง 109 ชั้น แต่ใช้เวลาในการขึ้นลิฟต์ไปเพียงหนึ่งนาทีกว่าๆ เท่านั้น ภายในลิฟต์เป็นกระจกใส มองเห็นวิวโดยรอบที่ค่อยๆ สูงขึ้น สวยงามจนอาจลืมความเสียวไส้ไปได้  เป็นอีกบรรยากาศและความรู้สึกที่หาที่ไหนไม่ได้อย่างแน่นอน

5. เช็กอินที่เที่ยวใหม่ ตึกมหัศจรรย์ 72

Credit : palanla.com

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจางเจียเจี้ย กับ ตึกมหัศจรรย์ 72 หรือ 72 Qi Lou สถาปัตยกรรมสวยงามอลังการ ด้วยการนำเอาเอกลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในจางเจียเจี้ยมารวมกันในที่เดียว ตัวตึกหลักมีการสร้างให้คล้ายกับ ประตูสวรรค์ และตั้งชื่อสถานที่นี้ตามเลขมงคล ไฮไลต์พิเศษจะอยู่ในช่วงกลางคืน เพราะจะมีการแสดงแสงสีเสียงสุดตระการตา นอกจากนี้ยังมีโซนร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย

6. เที่ยว 2 หมู่บ้านโบราณ บรรยากาศเหมือนอยู่ในซีรีส์จีนย้อนยุค

Credit : canva.com

ปรับโหมดหวาดเสียวมาเป็นโหมดดีต่อใจ ไปเที่ยวชมหมู่บ้านจีนโบราณที่มีสถาปัตยกรรมสวยๆ แห่งเส้นทางจางเจียเจี้ย ได้แก่ ฟูหรงเจิ้น (Furong Zhen) หมู่บ้านโบราณบนน้ำตกขนาดใหญ่ บรรยากาศสวยงามร่มรื่น มีจุดถ่ายรูปที่สวยงามก็คือบริเวณใต้น้ำตก ที่สามารถเดินเข้าไปได้ด้วย ช่วงกลางคืนจะเปิดไฟหลากสีทั้งหมู่บ้าน ยิ่งสวยงามไปอีกแบบ

Credit : canva.com

อีกแห่งหนึ่งก็คือ เมืองโบราณฟ่งหวง (Fenghuang) เป็นเมืองเก่าที่สร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ล้อมรอบด้วยภูเขา และมีแม่น้ำถัวเจียงไหลผ่าน เราจะเห็นบ้านโบราณที่ยังคงความเก่าแก่เอาไว้ เรียงรายอยู่ตลอดสองฝั่ง สามารถนั่งเรือชมวิว ชิลกับบรรยากาศสบายๆ เรียกได้ว่าทั้งสองแห่งนี้บรรยากาศงดงามราวกับหลุดไปอยู่ในซีรีส์จีนเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

✅ บริการทัวร์ท่องเที่ยวทั่วโลก

✅ ใบอนุญาตเลขที่ 11/10495

ชอบ บทความ ฟ้าสวย แทรเวล ทำไงดี…❓
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านก็ดี เซฟเก็บไว้ก็ปังง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook https://www.facebook.com/fahsuaytravel22
โทร. 02-871-9398
Line id : @fahsuaytravel

โทร. 02-871-9398