เวลาทำการ

จ.-ศ. 09.00 น.-19.00 น.
ส. 09.00 น.-13.00 น.

Hotline 1

061-635-4915

Hotline 2

089-874-5365

Hotline 3

02-871-9398

Call Center

02-871-9398

ภูเขาหิมะมังกรหยก เดือนไหนดี ? สัมผัสสุดยอดเทือกเขาหิมะแดนมังกรภูเขาหิมะมังกรหยก

ภูเขาหิมะมังกรหยก เดือนไหนดี ? สัมผัสสุดยอดเทือกเขาหิมะแดนมังกรภูเขาหิมะมังกรหยก

ภูเขาหิมะมังกรหยก ถือเป็นไฮไลต์เด็ดของการมา เที่ยวลี่เจียง เพราะที่นี่คือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามระดับโลก วิวสวยอลังการเหมือนเทือกเขาหิมะในยุโรป แต่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกลๆ และเสียค่าใช้จ่ายแพงๆ เพราะอยู่แค่ประเทศจีนนี่เอง เริ่มต้นเดินทางได้จากเมืองคุนหมิง แถมที่นี่ยังมีหิมะให้ชมตลอดทั้งปีด้วย ใครที่ชื่นชอบการผจญภัย หลงใหลในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติบอกเลยว่าไม่ควรพลาด

✨🏔️🚈🌫️✨🏔️🚈🌫️✨🏔️🚈🌫️

Cr. Canva Pro

ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองลี่เจียง ในมณฑลยูนนาน ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงที่ประกอบด้วยยอดเขา 13 ยอด เรียงตัวคดเคี้ยวจนดูเหมือนมังกรที่กำลังเลื้อย อีกทั้งยังหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี จึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูเขาหิมะมังกรหยก” ยอดเขาที่สูงที่สุดมีความสูงถึง 5,596 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แต่จุดสูงสุดที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปได้อยู่ที่ 4,680 เมตร ซึ่งทางอุทยานมีบริการกระเช้าพาขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศของหิมะสีขาวโพลนบนยอดเขา มีให้เลือกหลากหลายเส้นทาง ระหว่างทางก็สามารถมองเห็นวิวในมุมที่แตกต่างกัน จากด้านบนจะมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาน้อยใหญ่ พื้นที่หิมะ ธารน้ำแข็ง ป่าไม้ น้ำตก ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า ได้แบบ 360 องศา สวยงามตระการตาเหมือนดินแดนในฝัน ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งก็คุ้มแล้ว

✨🏔️🚈🌫️✨🏔️🚈🌫️✨🏔️🚈🌫️

ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม – พฤษภาคม

Cr. Canva Pro / mo_ttsk / shutterstock.com

ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่เหมาะแก่การ เที่ยวลี่เจียง ขึ้นไปชมความสวยงามของภูเขาหิมะมังกรหยก ท้องฟ้าแจ่มใส มีแดด อากาศยังเย็นสบายแต่ไม่หนาวจัดเท่าในฤดูหนาว ด้านบนภูเขาหิมะมังกรหยกยังคงมีหิมะสวยๆ ให้ชม โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมหิมะจะยังหนาอยู่ และจะค่อยๆ ละลายไปบ้าง รวมถึงบางวันอาจจะมีหิมะตกด้วย อุณหภูมิ เฉลี่ยประมาณ 5 – 17 องศาเซลเซียส ดอกไม้บนภูเขาจะเริ่มผลิบาน โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

ฤดูร้อน : มิถุนายน – สิงหาคม

Cr. Canva Pro / HelloRF Zcool / shutterstock.com

เนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่สูง ทำให้ในฤดูร้อนที่ลี่เจียงอากาศก็ยังสบายๆ ไม่ร้อนจัด เห็นวิวต้นไม้บนภูเขาเป็นสีเขียวขจี ให้ความรู้สึกสดชื่น อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14 – 23 องศาเซลเซียส ถึงจะเป็นหน้าร้อนแต่บนยอดเขาหิมะมังกรหยกก็ยังมีหิมะอยู่ เวลาขึ้นกระเช้าจึงเหมือนเดินทางข้ามเวลาจากฤดูร้อนไปฤดูหนาว หากมาช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ควรเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนมาด้วย เพราะอาจจะมีฝนตกในช่วงกลางวัน

ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน – พฤศจิกายน

Cr. Canva Pro

ฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาภูเขาหิมะมังกรหยก ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศสดชื่น เห็นวิวยอดเขาได้อย่างชัดเจน ใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม อุณหภูมิ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8 – 19 องศาเซลเซียส หิมะจะเริ่มตกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ควรหลีกเลี่ยงสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม เพราะเป็นวันหยุด Golden week ของจีน นักท่องเที่ยวจะเยอะมาก

ฤดูหนาว : ธันวาคม – กุมภาพันธ์

Cr. Canva Pro

เที่ยวลี่เจียง ฤดูหนาว อากาศจะหนาวจัด อุณหภูมิ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0 – 10 องศาเซลเซียส และหากขึ้นไปบนภูเขาหิมะมังกรหยกที่สูงมากๆ อุณหภูมิก็จะต่ำกว่านี้จนอุณหภูมิติดลบ เดือนที่หนาวที่สุดคือ เดือนมกราคม หิมะบนยอดเขาจะหนาฟูสวยงามมาก แต่หากช่วงไหนมีหิมะตกหนักหรือลมแรง กระเช้าหรือเส้นทางเดินป่าบางเส้นทางอาจปิดให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

Cr. Canva Pro

ขึ้นรถบัสที่ประตูทิศใต้ของเมืองโบราณลี่เจียง (Lijiang Ancient Town) มาลงที่หน้าทางเข้าอุทยาน จากนั้นนั่งรถของอุทยานไปยังสถานีขึ้นกระเช้า โดยที่นี่จะมีกระเช้าทั้งหมด 3 แบบ คือ Glacier Park กระเช้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ เป็นกระเช้าหลักที่ขึ้นไปยังจุดชมวิวภูเขาหิมะมังกรหยก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที, Yak Level Ground กระเช้าลอยฟ้าขนาดกลาง ขึ้นไปยังทุ่งหญ้าจามรี และ Spruce Level Ground กระเช้าลอยฟ้าขนาดเล็ก ที่ขึ้นไปยังทุ่งหญ้าหยุนซานผิง (Yunshanping) ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวไฮไลต์ของอุทยาน

✨🏔️🚈🌫️✨🏔️🚈🌫️✨🏔️🚈🌫️

1) จุดชมวิวภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain Glacier Park)

Cr. Canva Pro

กระเช้าหลักจะพาเรามาส่งที่ความสูง 4,506 เมตร ถ้าหากคิดว่าจุดนี้สวยสุดๆ แล้ว ลองเดินตามทางเดินไม้กระดานขึ้นไปอีก 174 เมตรก็จะถึงจุดที่เรียกว่า “Glacier Park” ซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่นักท่องเที่ยวขึ้นมาได้ โดยจะมองเห็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงิน และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกด้วย แนะนำให้ค่อยๆ เดินขึ้นมา ถ้าเหนื่อยก็แวะพักก่อน ไม่ต้องรีบร้อน เพราะยิ่งสูงอากาศยิ่งเบาบาง จะทำให้เหนื่อยง่าย

2) หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue Moon Valley)

Cr. Canva Pro

หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งในอุทยานเดียวกันกับภูเขาหิมะมังกรหยก เป็นหุบเขาสีเขียวชอุ่ม ที่มีทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ไหลผ่าน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร และยังมีฉากหลังเป็นวิวของ ภูเขาหิมะมังกรหยก เมื่อมองจากระยะไกลจะคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวสีน้ำเงินที่อยู่บนตีนเขาของภูเขาหิมะมังกรหยก น้ำในทะเลสาบจะเย็นจัดตลอดทั้งปี เพราะเป็นน้ำที่เกิดจากหิมะบนภูเขาละลายไหลลงมา เป็นหนึ่งในจุดที่ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆ มีทั้งภูเขา ป่าสน ต้นไม้ พืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลสาบ และยังสามารถถ่ายรูปกับจามรีได้ด้วย

3) ทุ่งหญ้าหยุนซานผิง (Spruce Meadow)

Cr. Canva Pro

ทุ่งหญ้าหยุนซานผิง อยู่ทางตะวันออกของ ภูเขาหิมะมังกรหยก สูงจากระดับน้ำทะเล 3,240 เมตร เป็นทุ่งหญ้ากว้าง โอบล้อมด้วยต้นสนสูงตระหง่านที่ขึ้นเรียงกันหนาแน่น จนเหมือนแนวรั้วธรรมชาติที่กั้นระหว่างทุ่งหญ้ากับวิวภูเขาหิมะด้านหลัง ทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล โดยจะเป็นสีเขียวและมีดอกไม้หลากสีในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง และกลายเป็นสีขาวจากหิมะในฤดูหนาว บรรยากาศสวยเหมือนอยู่สวิตเซอร์แลนด์ เดินเล่นชมวิวได้สบาย เพราะมีทางเดินไม้ทอดยาวตั้งแต่ลงกระเช้าไปถึงจุดขึ้นกระเช้ากลับเลย

4) ทุ่งหญ้าจามรี (Yak Meadow)

Cr. Canva Pro

สำหรับคนที่อยากถ่ายรูปกับทุ่งหญ้าสีเขียวสวยๆ แนะนำเป็นจุดนี้เพราะคนน้อยกว่า เป็นจุดชมวิวที่ดี มีความเงียบสงบ และเป็นทุ่งหญ้าที่อยู่ใกล้ยอดเขาที่สุด สามารถมองเห็นยอดเขาทั้ง 13 ยอดของภูเขาหิมะมังกรหยกได้ ตั้งอยู่บนความสูง 3,650 เมตร ต้องนั่งรถบัสของอุทยานผ่านทางขึ้นกระเช้าหลัก ไปขึ้นกระเช้า Yak Level Ground สำหรับขึ้นไปทุ่งหญ้าจามรีโดยเฉพาะ ไฮไลต์คือจะได้เห็นคนท้องถิ่นต้อนฝูงจามรีนับร้อยตัวออกมาเดินเล่นกินหญ้า ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมและเรียบง่ายของคนที่นี่อีกด้วย

Cr. Canva Pro

1) ควรพกกระป๋องออกซิเจนเอาไว้ เนื่องจากอากาศด้านบนค่อนข้างเบาบาง ทำให้เหนื่อยง่าย หากเดินทางกับทัวร์ สามารถซื้อกับไกด์และหัวหน้าทัวร์ได้เลย หรือตามร้านค้าบริเวณสถานีกระเช้าก็มีจำหน่าย ราคากระป๋องละประมาณ 40 หยวน
2) ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวมาให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น เสื้อกันหนาว ฮีทเทค ถุงมือ ผ้าพันคอ ที่ปิดหู เพราะด้านบนภูเขาอากาศจะหนาวเย็นกว่าด้านล่างมาก หากไม่ได้เตรียมมาทางอุทยานมีเสื้อกันหนาวให้เช่า ราคาประมาณ 50 หยวน
3) สวมรองเท้าที่มีพื้นยางกันลื่น หรือ รองเท้าที่เหมาะสำหรับการเดินบนหิมะ
4) เตรียมยาสำหรับโรคแพ้ความสูง การเดินทางขึ้นที่สูงมากๆ อาจจะทำให้บางคนเกิดอาการ แพ้ความสูง หรือ โรค AMS ได้ ซึ่งร่างกายแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรบ่งบอกได้ว่าใครจะเกิดอาการแพ้ความสูงบ้าง ซึ่งอาการของโรคนี้ก็คือ ปวดหัว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และอื่นๆ หากใครกลัวว่าจะเกิดอาการสามารถทานยาจีนที่ชื่อว่า หงจิ่งเทียน ที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ความสูงได้
5) ควรทาครีมกันแดด และเตรียมแว่นกันแดดมาด้วย ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาว แต่ในบางวันก็มีแดดแรงด้วย และเมื่อสะท้อนกับหิมะสีขาวอาจจะทำให้แสบตาได้
6) เตรียมน้ำดื่ม ลูกอม ช็อกโกแลต นอกจากจะช่วยเติมพลังแล้ว ยังช่วยลดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ที่อาจเกิดเมื่อขึ้นที่สูงได้ด้วย

✨🏔️🚈🌫️✨🏔️🚈🌫️✨🏔️🚈🌫️

✅ บริการทัวร์ท่องเที่ยวทั่วโลก

✅ ใบอนุญาตเลขที่ 11/1049

ชอบ บทความ ฟ้าสวย แทรเวล ทำไงดี…❓
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านก็ดี เซฟเก็บไว้ก็ปังง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook https://www.facebook.com/fahsuaytravel22
โทร. 02-871-9398
Line id : @fahsuaytravel

โทร. 02-871-9398
Line id : @fahsuaytravel