ถ้าพูดถึงประเทศน่าเที่ยว ไปง่ายใคร ๆ ก็ไปได้ แถมยังสามารถเที่ยวได้ในทุกฤดู อีกทั้งยังมีความหลากหลายของภูมิประเทศ จะเที่ยวภูเขาก็ได้ ทะเลก็มี หรือเมืองเก่าก็สวย แถมยังมีที่เที่ยวสวย ๆ ก็คงหนีไม่พ้น “เวียดนาม” ประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เดินทางบินตรงก็แค่ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ✈ ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้วีซ่าก็เข้าไปเที่ยวได้เลย ว่าแล้วก็ลองไปดูที่เที่ยวเวียดนามที่น่าสนใจกันเลยยย ‼
1. อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay)

อ่าวฮาลอง หรือฮาลองเบย์ เป็นที่เที่ยวเวียดนามที่ได้รับความนิยมที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นแลนด์มาร์คดังของเมืองฮานอย เป็นทะเลสาบที่รายล้อมไปด้วยภูเขาหินปูน จนเกินเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม คนส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือวันเดย์ทริป แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคุณสามารถซื้อทัวร์ฮาลองแบบนอนค้างคืนบนเรือได้ เหมาะกับคนที่อยากจะดื่มด่ำวิวสวย ๆ ของอ่าวฮาลอง
ช่วงเวลาเที่ยว:
ช่วงที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมอ่าวฮาลองคือเดือนพฤศจิกายน เป็นเดือนที่มีท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิกำลังปานกลาง และทะเลสงบ ในช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน อาจมีพายุโซนร้อนเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้ามากนัก ช่วงไฮซีซั่นในฮาลองมักเป็นช่วงตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการท่องเที่ยวภายในประเทศสูงสุด
กิจกรรมแนะนำ:
ล่องเรือข้ามคืนผ่านอ่าวฮาลองบนเรือสำเภาแบบดั้งเดิมถือเป็นไฮไลท์ คุณจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันแปลกตาขณะล่องไปตามผืนน้ำ ผ่านหมู่บ้านลอยน้ำ เช่น Cua Van, Vung Vieng และ Cong Dam หรือพายเรือคายัคผ่านถ้ำและหุบเขาอันตระการตา ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสำรวจสถานที่ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม
2.ซาปา (Sapa)

สำหรับใครที่มีโอกาสไปเที่ยวเวียดนามในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว ควรแวะมาเที่ยว“ซาปา” เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ไฮไลท์ของซาปาคือระหว่างทางที่เดินทางไป ถ้าหากคุณนั่งรถไฟ ก็จะพบกับวิวสวย ๆ อันเขียวขจีของนาขั้นบันได นอกจากนั้นที่ซาปาเองยังมีอากาศที่บริสุทธิ์ และค่อนข้างหนาวเย็นเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ ถ้าให้เปรียบง่าย ๆ ก็เหมือนกับซาปา เป็นเชียงใหม่ของประเทศไทยนั่นเอง
ช่วงเวลาเที่ยว:
ช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมเป็นเดือนที่ดีที่สุดในการชมนาขั้นบันได หรือช่วงที่อากาศดีและท้องฟ้าแจ่มใสคือช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม
กิจกรรมแนะนำ:
เดินเขาเที่ยวระหว่างหมู่บ้านเพื่อดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันตระการตาและสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของหมู่บ้านชาวเขา หรือหากการเดินเขาไม่ใช่ทางที่คุณชอบ คุณสามารถสำรวจจุดที่สวยงามที่สุดได้ด้วยการเดินทางแบบไปเช้าเย็นด้วยรถยนต์
3. น้ำตกบ่านซ่อก เต๋อเถียน (Ban Gioc Detian Waterfall)

น้ำตกบ่านซ่อก เต๋อเถียน อยู่ห่างจากฮานอยประมาณ 360 กิโลเมตร เป็นน้ำตกข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและเป็นอันดับ 4 ของโลก ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างประเทศจีนและเวียดนาม มีชื่อว่าน้ำตกเต๋อเถียนในประเทศจีน และชื่อน้ำตกบ่านซ่อกในประเทศเวียดนาม มีต้นน้ำมาจากแม่น้ำกุ้ยชุนของจีน น้ำไหลแรงมาในช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำตกนี้มีความกว้างรวมประมาณ 200 เมตร และสูงกว่า 70 เมตร ทัศนียภาพของน้ำตกบ่านซ่อก เต๋อเถียน ใหญ่โตและน่าเกรงขาม คุณจะได้ยินเสียงของน้ำตกดังมากก่อนที่คุณจะได้เห็นน้ำตกเสียอีก
ช่วงเวลาเที่ยว:
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูน้ำหลากและน้ำตกไหลแรง นักท่องเที่ยวจะได้เห็นน้ำตกสวยงาม ภูเขาและต้นไม้เขียวขจี หากไปช่วงฤดูแล้ง น้ำตกจะมีปริมาณน้ำน้อยมาก
กิจกรรมแนะนำ:
ชมน้ำตกจากจุดชมวิว หรือล่องแพไม้ไผ่ในแอ่งน้ำที่ด้านล่างของน้ำตกเพื่อสัมผัสน้ำตกอย่างใกล้ชิดและเล่นน้ำได้อย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ยังสามารถปีนเข่ขึ้นไปชมวิวน้ำตกแบบพาโนรามาได้อีกด้วย
4.ฮาลองบก หรือ นิงห์บิงห์ (Ninh Binh)

เป็นที่รู้จักกันในท้องถิ่นว่าเป็น ‘ฮาลองเบย์บนบก’ ครอบคลุมพื้นที่ที่มีความงามตามธรรมชาติ ด้วยภูมิทัศน์ของแม่น้ำที่มีมนต์ขลัง มีภูเขาหินปูนสูงชันนับร้อยที่ปกตลุมไปด้วยป่าทึบ ทุ่งนาสีเขียวคดเคี้ยวไปตามแม่น้ำ Ngo Dong วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงนิญห์ บิ่ญห์คือการล่องเรือไปตามแม่น้ำ และปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่เป็นตำนาน ที่นี่เหมาะกับการใช้เวลาพักผ่อนในส่วนที่สวยและบริสุทธิ์ที่สุดของเวียดนาม เมืองนิญห์ บิ่ญห์เหมาะสำหรับทุกคนที่สนใจในธรรมชาติ มีสิ่งต่างๆ ให้สำรวจมากมาย เช่น ถ้ำโบราณ เจดีย์ที่สวยงาม เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Van Long และอุทยานแห่งชาติ Cuc Phuong อุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในเวียดนามที่มีเส้นทางเดินป่าที่ยอดเยี่ยม
ช่วงเวลาเที่ยว:
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมนิญห์ บิ่ญห์คือตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนกรกฎาคม และตั้งแต่เดือนกันยายนถึงตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่เกษตรกรในท้องถิ่นเก็บเกี่ยวข้าว หากคุณมาในช่วงฤดูแล้ง (พฤศจิกายนถึงมีนาคม) การเก็บเกี่ยวข้าวจะสิ้นสุดลง ทำให้ทุ่งนามีสีเหลืองขุ่น แม้ว่าคุณจะไม่เห็นความเขียวขจีมากนัก แต่ทิวทัศน์ก็ยังน่าประทับใจ
กิจกรรมแนะนำ:
นั่งเรือชมธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม ปีนเขาไปชมยอดเขาที่เป็นตำนาน เดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติ
5.ฮอยอัน (Hoi An)

ฮอยอัน (Hoi An) คือเมืองในจังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) เป็นหนึ่งในเมืองที่เป็น ที่เที่ยวเวียดนาม ที่มีบรรยากาศและมีเสน่ห์ที่สุดของเวียดนาม มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่มากมาย คุณจะสนุกกับการสำรวจย่านเมืองเก่าที่เป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมทั้งเวียดนาม จีน และญี่ปุ่น เพราะในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วงพีคที่สุดของฮอยอันคือราวศตวรรษที่ 16-17 เพราะมีชาวต่างชาติเข้ามาค้าขายและตั้งถิ่นฐานเต็มไปหมด นอกจากหลักๆ ที่เป็นคนจีน ญี่ปุ่นแล้ว ก็ยังมีชาวดัตช์และอินเดียที่เข้ามาเยอะมาก
เมืองฮอยอันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี 1999 เหมาะสำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ย่านเมืองเก่ายังคงอนุรักษ์มรดกอันน่าทึ่งไว้ในสภาพเดิมได้อย่างดี ทั้งบ้านพ่อค้าญี่ปุ่น ตึกแถวสไตล์จีน อาคารยุคอาณานิคมฝรั่งเศส และโกดังชาโบราณ แถมยังทาสีสันสดใส ประดับตกแต่งด้วยโคมไฟกระดาษแบบเวียดนาม
ช่วงเวลาเที่ยว:
ช่วงที่ดีที่สุดในการเดินทางไปเที่ยวฮอยอันคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน คุณจะพบกับอุณหภูมิที่อุ่นสบายและมีฝนตกเล็กน้อย หากต้องการชมพระจันทร์เต็มดวงในช่วงเวลาที่สวยที่สุดแห่งปีควรไปช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม แต่ก็ต้องแลกกับอากาศที่ร้อนมาก
กิจกรรมที่แนะนำ:
นั่งเรือชมสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานที่เคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในอดีต ย่านเมืองเก่าของฮอยอัน ที่ถ่ายรูปเช็คอินเพียบ
6.ดานัง (Da Nang),บานาฮิลล์ (Ba Na Hills)

บรรยากาศของเมืองดานังคึกคักไปด้วยผู้คน เรือสินค้าที่จอดเรียงรายอยู่ริมฝั่งน้ำ กับเรือประมงเล็กๆ ของชาวบ้านใช้ออกหาปลา ตลอดจนตึกรามบ้านช่องสมัยใหม่สีสันสดใส นอกจากนี่ ยังมีหาดหมีเคว (My Khe) หาดทรายสีขาวที่สวยงามพร้อมกีฬาทางน้ำมากมาย หรือแวะเยี่ยมชมบานาฮิลส์ เมืองท่องเที่ยวที่เคยเป็นสถานที่ตากอากาศของชาวฝรั่งเศสมาตั้งแต่ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และกลับมาบูรณะเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกครั้งในปี ค.ศ.2009 พร้อมกระเช้าลอยฟ้า 5,801 เมตรที่ต้องใช้เวลาถึง 50 นาที นับว่าเป็นการนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย
ช่วงเวลาเที่ยว:
สภาพอากาศในดานังจะดีที่สุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม อากาศอบอุ่นและท้องฟ้าแจ่มใส เดือนที่ร้อนที่สุดคือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน ในขณะที่ฤดูฝนจะมีฝนตกชุกตั้งแต่เดือนกันยายนถึงกุมภาพันธ์
กิจกรรมที่แนะนำ:
เปิดประสบการณ์นั่งกระเช้าลอยฟ้ากับวิวภูเขาและป่าไม้อันแสนงดงามด้านล่าง ขณะที่สถาปัตยกรรมด้านบนยอดเขาก็ออกแบบสไตล์ฝรั่งเศสเสมือนหลุดไปอยู่ในยุโรป สนุกไปกับเครื่องเล่นจาก Fantasy Park กราบไหว้พระพุทธรูปขนาดใหญ่ ชมสวนดอกไม้สุดตระการตา รวมถึงสะพาน Golden Bridge สะพานที่มีมือยักษ์เป็นไฮไลต์ในการถ่ายรูป
7.เกาะฟูโกว๊ก (Phu Quoc Island)

เกาะฟูก๊วกอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตอนใต้ของเวียดนามประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นสวรรค์เขตร้อนที่มีหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลเป็นประกาย ป่าเขียวชอุ่มและน้ำตกที่มีมนต์ขลัง ที่นี่เป็นเกาะเงียบสงบ และมีขนาดเล็กพอที่จะสำรวจชายหาดกว่าสิบแห่งได้ด้วยจักรยานหรือสกู๊ตเตอร์ ทางด้านตะวันตกของเกาะจะมีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าคราม และชมวิวอันสวยงามตอนพระอาทิตย์ตกดิน
ช่วงเวลาเที่ยว:
พฤศจิกายนถึงมีนาคมเป็นฤดูท่องเที่ยวของฟู้โกว๊ก โดยมีอากาศอบอุ่นและท้องฟ้าสีคราม ตุลาคมและต้นเดือนพฤศจิกายนยังเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเยี่ยมชมโดยมีนักท่องเที่ยวน้อยลงและป่าไม้ที่สวยงามหลังจากฝนตกหนักตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน
กิจกรรมที่แนะนำ:
กิจกรรมการดำน้ำตื้น พายเรือคายัค และล่องเรือนี้ คุณยังสามารถเข้าไปในป่าเพื่อสำรวจเส้นทางเดินป่าและชมสัตว์ป่า หรือแวะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมืองดวงดง (Duong Dong) ที่มีชีวิตชีวามากมาย มีขายทั้งงานฝีมือและอาหารทะเลสด
8.ดาลัด (Da Lat)

ดาลัดเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ตอนบนของประเทศเวียดนาม จุดเด่นคือเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงและถูกโอบล้อมไปด้วยทิวเขา ทะเลสาบ น้ำตก ป่าไม้ จึงทำให้ดาลัดเป็นเมืองที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 17 องศาเซลเซียสเท่านั้น และด้วยอากาศที่ดีและมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามนี่เอง ดาลัดจึงได้รับสมญานามว่าเมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิที่โรแมนติกที่สุดในเวียดนามใต้จนขึ้นชื่อว่าเป็น “ปารีสแห่งเวียดนาม
โดยรอบเมืองรายล้อมไปด้วยไร่กาแฟ สตรอเบอร์รี่ และดอกไม้ที่งดงาม อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของดาลัดก็คือ Doha Cafe เป็น Cafe ที่มีลักษณะรูปทรงเหมือนดอก Atiso ซึ่งเป็นดอกไม้เมืองหนาวที่ปลูกในดาลัด อากาศที่เย็นกว่าและอากาศบนภูเขาที่มีหมอกปกคลุมทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
ช่วงเวลาเที่ยว:
ดาลัดมีความสวยงามที่สุดระหว่างเดือนธันวาคมถึงมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงเบ่งบานเต็มที่ สภาพอากาศแห้งและมีแดดจัด และอุณหภูมิก็เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมผจญภัยกลางแจ้งฃ
กิจกรรมที่แนะนำ:
สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง และคุณสามารถไปเดินป่า ปั่นจักรยานเสือภูเขา ล่องแก่ง และล่องแก่งบนเนินเขาโดยรอบ
9.อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง (Phong Nha-Ke Bang National Park)

อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่างได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประกอบด้วยภูเขาหินปูนที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งมีอายุระหว่าง 400 ถึง 450 ล้านปี แม่น้ำใต้ดิน สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ถ้ำที่กว้างใหญ่ และป่าที่ยังไม่ถูกทำลาย
ที่นี่เป็นที่ตั้งของถ้ำเซินด่อง (Hang Son Doong) ซึ่งถูกค้นพบในช่วงต้นทศวรรษ 1990 และได้รับการยืนยันว่าเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปี 2009 ถ้ำนี้มีความยาวกว่า 5 กิโลเมตร โดยมีส่วนสูง 200 เมตรและกว้าง 150 เมตร และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักเดินทางที่ชื่นชอบการผจญภัย
ช่วงเวลาเที่ยว:
เดือนที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่างคือระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบายและมีฝนตกน้อย ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ก็ไม่มีฝนเช่นกัน แต่อากาศค่อนข้างเย็น เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุด ในขณะที่เดือนสิงหาคมและธันวาคมควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากฝนตกหนักและน้ำท่วม
กิจกรรมที่แนะนำ:
การปีนเขา ปั่นจักรยาน พายเรือ หรือพักผ่อนในภูมิภาคที่งดงามและน่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
10.มุยเน่ (Mui Ne)

ไฮไลท์ของมุยเน่ก็คือเนินทราย (Sand Dunes) ที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนินทรายเป็นเกราะป้องกันพายุและการกัดเซาะชายหาด และเป็นที่อยู่อาศัยของพันธุ์พืชและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ทำให้เกิดความหลากหลายทางธรรมชาติ เนินทรายที่มุยเน่มีทั้งหมด 18 เฉดสีด้วยกันค่ะ และเนินทรายที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่สุดคือทะเลทรายขาว (White Sand Dunes) ที่กินพื้นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาและสวยงามมากเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และเนินทรายแดง (Red Sand Dunes) ที่ประกอบด้วยเนินเขาสีทองแดงที่เปล่งประกายเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน
ช่วงเวลาเที่ยว:
มุยเน่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่วิเศษสุดในเวียดนาม คุณจะเพลิดเพลินไปกับสภาพอากาศที่สบายตลอดทั้งปี ถ้าต้องการเล่นเซิร์ฟและใช้เวลาที่ชายหาด ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือระหว่างเดือนธันวาคมถึงเมษายน
กิจกรรมที่แนะนำ:
ถ่ายรูปเช็คอิน เล่นว่าวและวินด์เซิร์ฟ
คลิกชมโปรแกรม ❯❯ ทัวร์เวียดนาม
นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางเข้ามาเวียดนามได้นาน 1 เดือน โดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงพิเศษระหว่างรัฐบาลไทยและเวียดนาม และไม่ต้องยื่นเอกสารเกี่ยวกับโควิดใด ๆ ทั้งสิ้น
สำหรับเอกสารที่คุณต้องเตรียมให้พร้อมก่อนเดินทางเข้าประเทศเวียดนาม ได้แก่ พาสปอร์ต, ตั๋วเครื่องบิน, เอกสารการจองที่พัก และ Thailand pass

💙 ฟ้าสวย แทรเวล … เพื่อนแท้ของการเดินทาง 🛩️
บริการทัวร์ท่องเที่ยวทั่วโลก
ใบอนุญาตเลขที่ 11/1049
ชอบ บทความ ฟ้าสวย แทรเวล ทำไงดี…❓
1. กดแชร์ต่อ ให้เพื่อนอ่านก็ดี เซฟเก็บไว้ก็ปังง
2. คลิก Like และ ติดตามเราได้ที่ Facebook https://www.facebook.com/fahsuaytravel22
โทร. 02-871-9398
Line id : @fahsuaytravel
โทร. 02-871-9398